วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของแมวไทย

ประโยชน์ของแมวไทย



  แมวไทยตั้งแต่โบราณมามีประโยชน์คือช่วยจับหนู ในปัจจุบันแมวไทยเป็นเครื่อง
ตกแต่งที่น่าดู ช่วยเชิดชูสง่าเสริมราศีและให้ความสบายในแก่ผู้เลี้ยงในฐานะเป็นเพื่อนแก้เหงา เด็กๆมักชอบเล่นกับแมวโดยอุ้มหรือลูบไล้เล่น ผู้ชราส่วนมากเป็นสตรีมักชอบเลี้ยงแมวไว้เป็น เพื่อน โดยเฉพาะสุภาพสตรีชาวต่างประเทศที่เลี้ยงแมวมักจะรักแมวมาก จนถึงกับทำ พินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติให้แมวก็มี
          ในตำราดูลักษณะแมวของโบราณก็ได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ที่ผู้เลี้ยงแมวลักษณะดีจะได้ ้รับลาภผลยศถาบรรดาศักดิ์และโชคดีมีความสุข ถึงแม้แมวที่ตายแล้วถ้าเก็บกระดูกไว้จะ ใช้ป้องกันภัยได้และเกิดลาภผล      

นิสัย ของแมว
    แมวไทยมีนิสัยรักความรักอิสระเสรีเช่นเดียวกับคนไทยมักจะไม่พึ่งพาเจ้าของ เพราะ แมวอาจจะออกไปหาอาหารกินได้เองที่นอกบ้าน หรือออกไปทำสิ่งที่อยากทำได้โดยเสรี แมวจะ แสดงความรักเจ้าของเพียงบางครั้งเท่านั้น ไม่สม่ำเสมออย่างสุนัข บางครั้งเจ้าของเรียกแต่ แมวทำเฉยไม่ยอมมาหา ยิ่งกว่านั้นบ่อยครั้งที่เจ้าของกำลังอุ้มมาชื่นชม แต่แมวกลับยกเท้าขึ้น ตบหน้าเข้าของหรือข่วนให้อย่างเต็มรัก ถ้าในขณะอารมณ์ดีแมวจะมาประจบซุกอยู่ในตักโดย ไม่ต้องเชื้อเชิญ และทำเสียงครางกระหึ่มอยู่ในลำคอแสดงความพึงพอใจ แต่แล้วไม่นานก็ลุก พรวดพราดหรือกระโดดหนีไปเฉยๆ แมวจึงเป็นเจ้าของคนมากกว่าคนเป็นเจ้าของแมว ถ้าแมว พอใจจะยกหางสูง เวลากลัวจะเอาหางซ่อนไว้ใต้ตัว

          
คนที่ถือโชคลางเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ลึกลับ เพราะตาแมวมีประกายส่องไปในที่มืด แลเห็น แสงได้ถนัดอย่างน่ามหัศจรรย์ ฝีเท้าแมวก็เบามากเพราะเดินด้วยเล็บเท้ามิใช่ฝ่าเท้า บางเวลาที่ นั่งอยู่ แมวจะเพ่งมองดูอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งนัยน์ตาของคนเรามองไม่เห็น แล้วก็ลุกขึ้นไปอย่าง กะทันหันเหมือนมมีอำนาจลึกลับมาร้องเรียก จึงดูประหนึ่งว่าแมวสามารถติดต่อกับสิ่งลึกลับ เหนืออำนาจมนุษย์ได้ 

          
นอกจากนี้แมวยังมีนิสัยชอบโอ้อวด เมื่อแมวออกไปตระเวนหาประสบการณ์ ถ้าบังเอิญ ไปจับนกหรือหนูมาได้ แมวจะคาบเหยื่อวิ่งมาอวดเจ้าของให้รับรู้ใน ความสามารถของมัน โดยจะส่งเสียงร้องเหงียวหงาวจนเจ้าของแลเห็น และแสดงความชื่นชมในฝีมือของมัน แล้ว แมวก็จะสบายใจวางเหยื่อลงหรือหยอกเล่น แมวไทยมีนิสัยดีมักไม่กินสิ่งที่จับมาได้ไม่ว่าสิ่ง นั้นจะเป็นอะไร

          
ความฉลาดรอบคอบและเตรียมพร้อมของแมวไทยจะเห็นได้จากแมวตัวเมียเมื่อตั้งท้อง มันจะหาที่คลอดเตรียมไว้เพื่อเลี้ยงลูกในที่ปลอดภัยที่สุด และมักไม่พอใจสถานที่ซึ่งเจ้าของจัด เตรียมให้ แมวไทยชอบคลอดลูกบนที่สูง เช่นบนหลังคา ้าหากมีช่องโหว่ให้เข้าไปในเพดานได้ หลังชั้นหนังสือ หลังตู้ เป็นต้น แมวอาจฉีกเสื้อผ้า กระดาษ หรือของที่มันหามาได้ปูรอง พื้นให้ ลูกของมันอยู่สบาย 

          
อาจเป็นเพราะแมวเคยเป็นสัตว์ป่ามาก่อน จึงมักชอบประลองเล็บไม่เลือกที่ ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้รับแขกตัวงาม โต๊ะ กินข้าวตัวใหม่ หรือเก้าอี้นวมสวยๆ ก็ไม่ได้รับการยกเว้น วิธีแก้ไขก็คือ ต้องหาท่อนไม่หยาบๆ ไว้ให้แมวได้ลับคมเล็บเล่นบ้างตามสัญชาติญาณของมัน

 พฤติกรรม


การแสดงออกของใบหน้า 
          
หู 
          
เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะสู่โจมศัตรูในกรณีที่หู โค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้ 
          
หนวด 
          
ให้ดูจากตำแหน่างการกระจายตัวของหนวด ถ้าหนวดแผ่ออก แมวกำลังเครียด หรือสนใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไปไว้ข้างแก้มแมวจะอยู่ด้านหลังเป็นพุ่ม แสดงถึงความสงบสบายใจ 
          
ลูกตาดำ 
          
ม่านดกที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างมาก ในกรณีที่ม่านตกเปิดกว้าง มันแสดงถึงความประหลาดใจ กลัวหรือเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว 
          
การหาว 
          
ไม่ใช่การติดต่อของเชื้อโรคหรือแสดงอาการง่วงนอนที่เกิดกับมนุษย์ แต่มันเป็นสัญญาณ ที่แสดงถึงความแน่ใจ การแสดงออกแบบนี้เหมือนกับมันจะพูดว่า "ฉันรู้สึกสบายดีนะและคุณคงเป็นอย่างฉันด้วย"

          
กิริยาท่าทางที่แมวแสดงออก
          
หัว 
          
เมื่อแมว ตัวที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อนเลยและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง 
          
ลำตัว 
          
ถ้าลำตัวยึดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือ หลังโก่ง แสดงถึงว่าแมวกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที 
          
หาง 
          
หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี ถ้าหางนั้นเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและ บัดจาก ทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่ง แสดงถึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการแสดงความ เป็นมิตร แต่ถ้ามันสบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงการขู่ แล้วพร้อมที่จะจู่โจม 
          
ขน 
          
เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง

          
การส่งเสียง
          
เสียงร้องเหมียวเหมียว 
          
เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อมันหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกของทั้ง เพศ 
          
การทำเสียงแหลม 
          
เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้ เรียกว่า "เสียงเพื่อป้องกันตัว" จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำ เป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย 
          
การคำราม 
          
จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กันแสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะทำกันมากเป็นพิเศษ 
          
การทำเสียงคลัก 
          
เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพยินดีจะเป็นเพื่อนด้วยและอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการ สนทนาอย่างเป็นกันเอง 

          
การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น 
          
การส่งสัญญาณประเภทนี้จะให้เกิดผลได้ดีเมื่อแมว ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยตรง และโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้าและโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิต ฮอร์โมนออกมา โดยเฉพาะในแมวตัวเมียนึ้นจะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร การถูสัมผัส กันกับแมวตัวอื่น โดนใช้หัว คาง สีข้าง แก้มตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของ อีกตัวหนึ่ง ก็เป็นการ สื่อสารแบบหนึ่งด้วย ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของมันเอง โดย มักจะชูหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจปล่อยกลิ่นไว้ตาม กำแพง กิ่งและพุ่มไม้ หรือ อาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ ประมาณ อาทิตย์ หรือ มากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไปแต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ด้วย หลังจากการต่อสู้ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลาย ๆ ครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่า เป็น อาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไป นั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลังโดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะเห็น

ระบบประสาทสัมผัส


การมองเห็น(Sight)
          
วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วย ให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตา ของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการ มองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง

          
การดมกลิ่น(Smell)
          
แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมว ที่เกิด ใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้น มันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ ถึงแม้ว่าตายัง ไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose) เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือ สัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้ จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อย กลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็น เจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการ รับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศ อบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็น แมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือ หน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับ นั้นไม่ สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณ ศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะ เช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู

          
การฟังหรือได้ยินเสียง(Hearing)
          
แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง 2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย

          
การสัมผัส(Touch)
          
แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้า หนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่ง ที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน นาที





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น